
ทำงาน รปภ. เพื่อสอบเป็น อัยการ
ทำงาน รปภ. เพื่อสอบเป็น อัยการ
สุดภาคภูมิใจ หนุ่มแชร์เทคนิคสำคัญในการเตรียมสอบเป็น “พนักงานอัยการ” บอกที่ทำตามความฝันสำเร็จได้ เพราะทำอาชีพ รปภ. ด้านโซเชียลแห่ชื่นชมความพยายาม
วันที่ 25 กันยายน 2566 กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ท่านครับ ได้แชร์เรื่องราวของ อดีต จนท.รปภ. ที่พยายามจนสอบติดอัยการผู้ช่วย ระบุว่า นายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว อัยการผู้ช่วยรุ่น 64 (สนามใหญ่) ลำดับ 47 การแนะนำวิธีการอ่านหนังสือแบบละเอียด ผู้อ่านน่าจะมีข้อมูลความรู้กันเยอะแล้ว ผู้เขียนขออนุญาตแชร์วิธีคิดแบบอินดี้
สิ่งสำคัญในการสอบ 3 ข้อ
ตั้งเป้าหมายให้แน่นอน (ตั้งมั่นกับเป้าหมายเท่านั้น ไม่สนใจสิ่งที่ผ่านเข้ามา แม้จะดีกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกทั้งหมด จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ใช่เท่านั้น)
วางแผนอย่างเป็นระบบ (ช่วยให้สำเร็จตามเป้าหมาย ได้อย่างรวดเร็วขึ้น ไม่หลงทาง ไม่เสียเวลา)
ทำตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง (อดทนทำตามข้อที่ 2 อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้บรรลุผลข้อที่ 1)
เป้าหมาย คืออยากเป็นพนักงานอัยการ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สอบได้ คือเวลาที่เพียงพอต่อการอ่านหนังสือทำความเข้าใจเนื้อหา โดยมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ
ดังนั้นสำหรับผู้เขียนแล้ว ในระหว่างการอ่านหนังสือเตรียมสอบ จำเป็นต้องทำงาน ที่มีเงินใช้เพียงพอ แต่ลักษณะการทำงาน ต้องไม่กระทบต่อเวลา และสมาธิในการอ่านหนังสือ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ วางแผนการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับปัจจัยที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
ผู้เขียนเป็นคนชอบอ่านหนังสือเวลากลางคืน ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงเห็นลักษณะการทำงานของ รปภ.ในมหาวิทยาลัยกลางวัน และกลางคืน มีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน กลางวันมุ่งเน้นการดูแลให้ความสะดวก แก่ จนท. อาจารย์ และนักศึกษา
ส่วนกลางคืน มุ่งเน้นไปที่การดูแลรักษาความปลอดภัยแก่บุคคล และทรัพย์สินในมหาวิทยาลัย สิ่งสำคัญคือไม่หลับขณะเข้าเวร ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้ว การทำงานเป็น รปภ.เข้าเวรตอนกลางคืน เป็นงานที่เหมาะสม ที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ เพราะเป็นการทำงานในเวลาที่เงียบสงบ เหมาะสมแก่การอ่านหนังสือ มีรายได้เพียงพอแก่การใช้ชีวิต
เมื่อผู้เขียนจบปริญญาตรี และเริ่มเรียนเนติบัณฑิตได้ 1 ขา จึงได้สมัครเข้าทำงาน เป็น รปภ. ผลัดเวลากลางคืน และสิ่งต่างๆ ก็ดำเนินไปอย่างที่วางแผนไว้ เข้าเวรทำงาน เวลา 19.00 น. – เวลาออกเวรตอนเช้า 07.00 น. หักเวลาทำงาน ตรวจตราความเรียบร้อย และเวลาพักแล้ว ยังเหลือเวลาอ่านหนังสืออีกมาก
ภายหลังจบเนติบัณฑิต และได้ใบอนุญาตว่าความ ผู้เขียนได้ลาหยุดการเข้าเวร รปภ.ชั่วคราว เพื่อทำงานทนายความ และเก็บคดีตามคุณสมบัติการสมัครสอบ หลังจากนั้นก็ได้กลับมาทำงานเป็น รปภ. ต่อ
หลังจากนั้น ผู้เขียนได้สมัครสอบ และสอบผ่านข้อเขียนพนักงานสอบสวน แต่ได้สละสิทธิ เพราะเห็นว่าจะทำให้เวลาในการอ่านหนังสือน้อยลง ไม่เป็นไปตามแผน และอาจทำให้เป้าหมายตามข้อ 1. สำเร็จได้ช้าลง จึงได้ตัดสินใจทำงาน รปภ.ต่อไป (ทำไมจึงตัดสินใจแบบนี้? เพราะต้องทำตามสิ่งสำคัญ ในการสอบ 3 ข้อข้างต้น)
จากการทำงาน รปภ.ดังกล่าว ทำให้ผู้เขียนได้ทำตามแผนได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีเวลามากในการอ่านหนังสือ ไม่เครียดกับงานที่ทำ และมีสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือ
Q : ทำไมจึงต้องทำงานนี้?
A : ผู้เขียนวางแผนการอ่านหนังสือ ในแบบของตัวเอง ซึ่งเมื่อคำนวณแล้ว ต้องใช้เวลามากในการทำตามแผนที่วางไว้ จึงจำเป็นต้องหางาน ที่ให้เวลาที่เหมาะสมแก่การนั้น
Q : แผนการอ่านคือ?
A : 1. การเตรียมตัวสอบ ผู้เขียนใช้หนังสือหลักในการอ่านในแต่ละวิชา เพียง 1 เล่ม เพราะเนื้อหามีเยอะหลายวิชา และเพื่อลดความสับสนในเนื้อหา (อาจเป็นชีทติวสรุปก็ได้ เพราะง่ายต่อการทำความเข้าใจโครงสร้าง เนื่องจากมีการสรุปมาครั้งหนึ่งแล้ว)
การอ่านถ้าเป็นไปได้ ให้อ่านโดยวิธีการออกเสียง ให้ได้ยินเสียงตัวเอง เพื่อให้สมองได้รับความรู้ 2 ทางคือตาและหู อีกทั้งยังเป็นการฝึกการถ่ายทอดข้อมูล เป็นประโยชน์ตอนเขียนตอบข้อสอบอีกด้วย
2. อ่านรอบแรกให้อ่านแบบคร่าวๆ เพื่อทราบโครงเรื่องทั้งหมด
3. การอ่านครั้งที่ 2 ให้จับประเด็นละเอียดของแต่ละเรื่อง โดยใช้ปากกาไฮไลต์ ไฮไลต์ข้อความทั้งหมดที่เห็นว่าสำคัญ และจำเป็นต้องทำความเข้าใจ หรือจดจำ (อาจไฮไลต์มากหน่อย แต่จำเป็นต้องทำ เพราะข้อความที่ไม่ถูกไฮไลต์ จะถูกตัดทิ้งไปในขั้นตอนนี้)
4. พิมพ์ตัวบทกฎหมายขึ้นมา เป็นของตัวเอง โดยตัดข้อความ ที่ไม่สำคัญออก เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ
5. เขียน หรือพิมพ์ข้อความ ที่ไฮไลต์สรุปทั้งหมด ลงในตัวบทกฎหมายที่เป็นของตัวเอง
6. การทำสรุปนี้ อาจมีเนื้อหาส่วนที่ยังไม่เข้าใจ หรือไม่ได้คำตอบ ให้จดเป็นคำถามไว้ทันที รวบรวมไว้ แล้วนำไปวิเคราะห์ กับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน หรือสอบถามจากอาจารย์ ถ้าได้คำตอบ ก็ให้นำมาเพิ่มเติมในภายหลัง
7. อ่านหนังสืออื่นเพิ่มเติม เช่น กฎหมายพิสดารต่างๆ แล้วทำเหมือนข้อ 3. เปรียบเทียบดูว่าสรุปของเรายังขาดเนื้อหาส่วนใดไป เนื้อหาส่วนไหน ยังไม่มีในสรุป ให้เอาเนื้อหาส่วนนั้น เพิ่มไปในสรุปตาม ข้อ 5.
8. ทำข้อ 1-6 ทั้งกฎหมายสี่มุมเมือง และกฎหมายพิเศษ ที่ใช้ในการสอบ แล้วปรินต์สรุปดังกล่าว เข้าเล่มเพื่อความสะดวกในการอ่าน สุดท้ายเราจะได้ตัวบทกฎหมาย ซึ่งมีเนื้อหากฎหมายอยู่ด้วยเป็นของเราเอง
9. ใช้สรุปตัวหลังนี้ในการอ่านเตรียมสอบ และอ่านซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันสอบ ถ้าพบประเด็นเพิ่มเติมสามารถจดด้วยปากกาเพิ่มเข้าไปได้
10. เมื่ออ่านสรุปของตัวเองครบแล้ว จะไปตามอ่านฎีกาน่าสนใจในเพจต่างๆ แล้วเทียบดู ว่ามีฎีกาเรื่องไหนที่เรายังไม่มี หรือไม่เคยอ่าน ก็ให้พิมพ์สรุปแบบสั้นๆ มาเก็บไว้ใช้อ่านเล่นก่อนถึงวันสอบ ฎีกาเหล่านี้มักจะถูกนำมาเป็นข้อสอบประมาณ 1-2 ข้อ
การมีสรุปตัวบทกฎหมาย และเนื้อหาเป็นของตัวเองข้างต้นดีอย่างไร? ทำให้ผู้เขียนสามารถทบทวนเนื้อหาที่ใช้สอบทั้งหมดได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่ไม่ต้องไปเปิดอ่านหนังสือเล่มใหญ่หนาๆ ถ้าไม่มีสรุปนี้ สำหรับตัวผู้เขียนเอง ไม่สามารถทบทวนเนื้อหาทั้งหมดได้ ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนสอบ เนื่องจากเนื้อหามีเยอะมาก
11. โดยหลัก การทำข้อ 1-7 จะทำให้เราจำตัวบทกฎหมายได้มากพอสมควรอยู่แล้ว แต่การสอบจำเป็นต้องแม่นยำในตัวบทมากกว่านั้น จึงจำเป็นต้องท่องตัวบทด้วย
11.1 การท่องตัวบท ตัวบทไหนที่จำยาก หรือจำไม่ได้ ให้ใช้อารมณ์ความรู้สึก และตัวเลขเชื่อมโยงกับความทรงจำในการจำ เช่น อารมณ์ตลก กลัว ตกใจ หรือใช้วิธีใดก็ตามที่กระทบต่อความรู้สึก เช่น อาจแต่งเป็นกลอนก็ได้ จะทำให้เราจำได้ดีมาก เพราะสมองจะจดจำถ้อยคำที่ประกอบด้วยอารมณ์ได้มากกว่าถ้อยคำอย่างเดียวเป็นอย่างมาก (วิธีการนี้ถูกเขียนไว้ในหนังสือตั้งค่าสมองฯ ของ Roger Seip หาอ่านได้ครับ)
11.2 การท่องตัวบท ให้เริ่มต้นโดยพูดออกเสียงตามสิ่งที่จำได้ แล้วนำไปเทียบกับถ้อยคำในตัวบท ถ้อยคำไหนที่สำคัญและไม่ได้พูดออกเสียงไว้ (จำไม่ได้) ให้เอาปากกาไฮไลต์ไว้ในตัวบท และให้กลับไปทำตามข้อ 11.1 ในถ้อยคำที่จำไม่ได้ดังกล่าว
11.3 เมื่อทำครบถ้วนตามข้อ 11.2 แล้ว ให้ลองนำมาเขียนลงในสมุดทั้งหมด แล้วตรวจดูว่าจำได้ทั้งหมดแล้วหรือไม่ ถ้อยคำใดที่ยังจำไม่ได้ ให้กลับไปทำตามข้อ 8.1
12. ทำข้อสอบเก่า ให้ลองทำข้อสอบเก่า โดยไม่ดูธงคำตอบก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเรายังผิดพลาด หรือขาดตกบกพร่องในส่วนไหน แล้วให้ตรวจสมุดคำตอบของเรากับธงคำตอบ เมื่อพบข้อบกพร่องให้โน้ตข้อบกพร่องเตือนตัวเองในแต่ละข้อไว้ เมื่อทำข้อสอบครบทั้งหมด ให้กลับไปอ่านดูข้อบกพร่องที่ ตัวเองเขียนไว้ แล้วนำมาแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนถึงวันสอบ
การตอบข้อสอบ
การสอบเปรียบเสมือนเข้าไปในป่า เพื่อหาต้นไม้ 1 ต้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือตัวบทกฎหมาย ตัวบทกฎหมายเปรียบเสมือนลำต้นของต้นไม้ องค์ประกอบของตัวบทเปรียบเสมือนกิ่งไม้ ข้อเท็จจริงในข้อสอบคือใบไม้เล็กๆ ใบหนึ่ง
การตอบข้อสอบเราต้องเชื่อมโยงระหว่างใบไม้เล็กๆ ที่เป็นข้อสอบไปหากิ่งไม้ และลำต้นซึ่งเป็นถ้อยคำในตัวบทและตัวบทให้ได้ (หรือในทางกลับกันแล้วแต่ข้อสอบแต่ละข้อ) ซึ่งทั้งเลขมาตรา ซึ่งเป็นต้นไม้ ถ้อยคำในตัวบทซึ่งเป็นกิ่งไม้ ที่นำไปยังใบไม้ ที่เป็นข้อสอบจะต้องถูกเขียนไว้ในกระดาษคำตอบทั้งหมด
ส่วนสำหรับกิ่งไม้ ที่ไม่ได้ถามแล้วแต่ความสะดวก ถ้าเห็นว่าตัวเองเขียนเร็วก็อาจเขียนได้เพื่อความสละสลวย แต่ต้องไม่เด่นว่าจุดที่ข้อสอบต้องการถาม
การเขียนตอบข้อสอบ เวลาในการสอบจะมีข้อละประมาณ 24 นาที ผู้เขียนจะแบ่งเป็นเวลาเป็น 2 ส่วนคือเวลาคิดกับเวลาเขียน โดยจะใช้เวลาในการคิดข้อสอบ 9 นาที ในเวลา 9 นาทีนี้จะใช้วิธีการวางโครงคำตอบในกระดาษคำถาม โดยการเขียนคีย์เวิร์ดของข้อเท็จจริงสำคัญ + ถ้อยคำในตัวบทที่เชื่อมโยงไปถึง + เลขตัวบท
ในทุกๆ ประเด็นที่มีคำถามในข้อสอบ การทำเช่นนี้แม้จะใช้เวลานานในแต่ละข้อถึง 9 นาที แต่จะได้ประโยชน์มากเพราะจะทำให้เราเขียนตอบข้อสอบได้ครบประเด็น ทั้งทำให้เขียนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ถ้อยคำในตัวบท และเลขมาตราครบถ้วน
โดยจะทำให้เราผิดพลาดน้อยที่สุด เมื่อทำแบบนี้แล้วจะเหลือเวลาอีก 15 นาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เพียงพอต่อการเขียนตอบเพราะ 15 นาทีนี้จะเป็นเวลาในการเขียนเท่านั้น ไม่มีการคิดแล้ว จึงทำให้เขียนได้อย่างรวดเร็วไม่กังวลอยู่กับการคิดคำตอบ
จากบทความข้างต้น สำหรับผู้เขียนแล้ว ถือเป็นเวลาที่ยาวนานในการลงมือทำ ซึ่งรู้ตั้งแต่เมื่อคิดอยากเป็นพนักงานอัยการ จึงได้ตัดสินใจทำงานเป็น รปภ. อาจมีบางคนมองว่าเป็นงานที่ต้อยต่ำไม่มีเกียรติ หรือมีคนดูถูกจึงไม่อยากทำ
แต่สำหรับผู้เขียนแล้วเห็นว่าบางคนเหล่านั้น เป็นผู้ไม่มีสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่ควรนำผู้ไร้สาระเหล่านั้นมาเป็นสาระสำคัญของชีวิต ที่จะทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ งานนี้จึงเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ผู้เขียนสอบเป็นพนักงานอัยการได้ ผู้เขียนจึงไม่ใช้คำว่า รปภ. สอบอัยการได้ แต่ใช้คำว่าเป็น รปภ. จึงสอบอัยการได้
หมายเหตุ บทความนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งแนวทางเล็กน้อย ในการเตรียมสอบ แต่สิ่งสำคัญผู้เขียนอยากให้เป็นกำลังใจแก่ผู้อ่านที่กำลังเดินทางตามความฝันอยู่ด้วยความพยายาม ผู้เขียนเชื่อว่า ความสำเร็จแม้ถูกสร้างจากที่มืด แต่จะปรากฏขึ้นในที่สว่างเสมอ สำหรับทุกคนที่ยังคงพยายามอยู่ในเส้นทางนี้ ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จนะครับ.